วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กิจกรรมที่ 7

การจัดชั้นเรียนแบบมืออาชีพ   ให้นักศึกษาเปิดไฟล์ข้อมูลและสรุปการจัดชั้นเรียนแบบมืออาชีพเป็นอย่างไร และนักศึกษาจะมีวิธีการจัดชั้นเรียนแบบมืออาชีพได้อย่างไร  อ่านจากบทความนี้และนำแนวคิดมาใช้ในการจัดชั้นเรียนแบบมืออาชีพ
ปัจจัยสำคัญของการจัดการชั้นเรียนนอกจากจะอยู่ที่ตัวครูและเทคนิคการสอนของครูแล้ว การจัดการสิ่งแวดล้อมมี่ส่งเสริมการเรียนเพื่อสร้างบรรยากาศทางกายภาพ รวมทั้งการสนับสนุนส่งเสริมให้เด็กสร้างวินัยในการควบคุมตนเองและระงับยับยั้งพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทั้งนักศึกษาครู ครูใหม่หรือแม้แต่ครูที่มีประสบการณ์จะต้องฝึกฝนพัฒนาทักษะและเทคนิคการจัดการการชั้นเรียนจนเรียกได้ว่าเป็นครูมืออาชีพ จึงจะสามารถดำเนินการในชั้นเรียนได้อย่างราบรื่นโดยปราศจากปัญหาอุปสรรคและสามารถแก้ปัญหาต่างๆได้สำเร็จล่วงไปได้ด้วยดี
การที่ครูจะดำเนินการจัดการชั้นเรียนในรูปแบบใดนั้น สิ่งที่ครูควรพิจารณาและคำนึงถึงนอกเหนือจากความเชื่อของครูเองแล้ว รูปแบบของการจัดชั้นเรียนยังต้องเหมาะสมกันสภาพลักษณะนิสัยของนักเรียน ความเชื่อค่านิยม พื้นฐานที่เป็นวัฒนธรรมประเพณีของไทย การยอมรับหรือความคาดหวังของสังคม ชุมชน ผู้ปกครองที่มีต่อนักเรียนและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของสังคมประเทศชาติ ดังนั้นหนาที่ของครูมืออาชีพ คือการศึกษาความเป็นไปได้และเลือกแนวทางที่สอดคล้องเหมาะสมทุกๆ ด้านแล้วจึงกำหนดเป็นแนวทางการสร้างวินัยในชั้นเรียนของตนเพราะห้องเรียนแต่ละห้องก็จะมีลักษณะของการจัดการที่แตกต่างกันไปตามบริบทของชุมชนของสถานศึกษาแต่ละแห่ง
ดังนั้นการนำแนวคิดมาใช้ในการจัดชั้นเรียนแบบมืออาชีพ คือ การจัดสภาพห้องเรียนทางด้านกายภาพหรือการตกแต่งภายในห้องในน่าเรียนน่าสนใจแก่ผู้เรียนเพื่อเป็นการกระตุ้นในผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ จัดสภาพแวดล้อมในชั้นเรียนให้สอดคล้องกับการเรียนการสอนเพื่อช่วยสร้างบรรยากาศให้น่าสนใจและจูงใจให้ผู้เรียนไม่เบื่อหน่ายต่อการเรียนและการใช้สื่อเป็นสื่อที่ครูสามารถใช้ในการจัดชั้นเรียนได้อย่างเหมาะสม อาจจะเป็นการใช้สื่อด้วยคำพูดหรืออาจจะสื่อสารโดยท่าทางกิริยาการแสดงออก การตั้งเงื่อนไขในห้องเรียนควรจัดเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนคำนึงถึงจิตใจของผู้เรียนไม่ควรผูกขาดจนเกินไปและที่สำคัญบุคลิกภาพครูควรเป็นกันเองกับเด็กและความสามารถในการสื่อสารให้นักเรียนเข้าใจยอมรับกฎกติกาของการอยู่ส่วนร่วมกันในชั้นเรียน

กิจกรรมที่ 6

ให้นักศึกษาอ่านบทความนี้  สรุปและแสดงความคิดเห็น มาตรฐานวิชาชีพ และนำไปใช้ในการประกอบวิชาชีพครูได้อย่างไร
รองศาสตราจารย์ ดร.เมธี ปิลันธนานนท์*  สารานุกรมวิชาชีพครู  เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ พรรษา หน้า ๓๑๑๓๑๗
                จากการศึกษาจะเห็นได้ว่ามาตรฐานวิชาชีพของรองศาสตราจารย์ ดร.เมธี ปิลันธนานนท์*  สารานุกรมวิชาชีพครู  เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ พรรษาทุกวิชาชีพย่อมต้องมีมาตรฐานของวิชาชีพนั้น เพื่อวัด หรือประมาณค่าผู้ปฏิบัติการวิชาชีพ ตามมาตรฐานด้านความรู้ ทักษะ และประสบการณ์วิชาชีพ ซึ่งมาตรฐานด้านความรู้ก็ดี มาตรฐานด้านประสบการณ์และทักษะวิชาชีพก็ตาม จะต้องถูกกำหนดขึ้นโดยองค์กร หรือสมาคมวิชาชีพของแต่ละวิชาชีพ
สำหรับวิชาชีพทางการศึกษานั้น คำว่า มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษามีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการศึกษาเป็นทั้งการสร้าง การพัฒนา รวมทั้งการเสริมให้บุคคลมีคุณภาพ มีศักยภาพ ที่จะเป็นพลเมืองที่มีคุณค่าของชุมชน สังคม และประเทศ หากมาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษาไม่มีมาตรฐาน หรือมาตรฐานต่ำ ก็ย่อมเป็นตัวบ่งชี้ชัดเจนว่า ระบบการศึกษาจะสร้างหรือพัฒนาประชาชนให้มีคุณภาพที่จะมีชีวิตที่ก้าวหน้าและเป็นสุขได้ยากลำบาก ในต่างประเทศ
มาตรฐานวิชาชีพ หมายถึง จุดมุ่งหมายหลักทีจะสร้างแนวทางปฏิบัติ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ เพื่อให้เกิดความมั่นใจมนวิชาชีพของผู้ปฏิบัติ เพื่อให้การปฏิบัติงานอาชีพมีคุณภาพสูงสุด (CIPD-Professional Standard: available at, file://G:\ProfStand11.html) โดยความหมายดังกล่าว วิชาชีพใดๆ ย่อมให้บริการแก่สาธารณชน หรือองค์กรต่างๆ โดยต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญเฉพาะ โดยมีมาตรฐานในการประกอบอาชีพที่ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องได้รับการฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างเพียงพอก่อนที่จะประกอบอาชีพ
สำหรับความหมายของคำว่า มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา มีความหมายที่เป็นอาชีพชั้นสูงเช่นเดียวกับอาชีพชั้นสูงอื่นๆ
มาตรฐานวิชาชีพครูมีความหมายครอบคลุมเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ คือ

๑.มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพครู มาตรฐานข้อนี้ ประกอบด้วย มาตรฐาน ๒ ส่วน ได้แก่

มาตรฐานความรู้ หมายถึง ข้อกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพครู มีคุณวุฒิทางการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง โดยต้องมีสาระความรู้และสมรรถนะตามมาตรฐานในเรื่องต่อไปนี้
- ภาษาและเทคโนโลยีสำหรับครู
- การพัฒนาหลักสูตร
- การจัดการเรียนรู้
- จิตวิทยาสำหรับครู
- การวัดและประเมินผลการศึกษา
- การบริหารจัดการในห้องเรียน
- การวิจัยทางการศึกษา
- นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา
- ความเป็นครู

มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ ผู้ประกอบวิชาชีพครูจะต้องผ่านการฝึกทักษะและสมรรถนะของวิชาชีพครูในด้านการปฏิบัติการสอน รวมทั้งทักษะและสมรรถนะด้านการสอนสาขาวิชาเฉพาะในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๑ ปี และผ่านเกณฑ์การประเมินปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด ดังนี้
- การฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน
- การฝึกปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาในสาขาวิชาเฉพาะ

๒. มาตรฐานการปฏิบัติงาน มีความหมายครอบคลุมมาตรฐานย่อยๆ ของการปฏิบัติงาน ๑๒ ประการด้วยกัน คือ
- ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพครูอยู่เสมอ
- ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดแก่ผู้เรียน
- มุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ
- พัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏิบัติได้เกิดผลจริง
- พัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ
- จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเน้นผลถาวรที่เกิดแก่ผู้เรียน
- รายงานผลกรพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนได้อย่างมีระบบ
- ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีกับผู้เรียน
- ร่วมมือกับผู้อื่นในสถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์
- ร่วมมือกับผู้อื่นในชุมชนอย่างสร้างสรรค์
- แสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารในการพัฒนา
- สร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในทุกสถานการณ์

๓. มาตรฐานการปฏิบัติตน  หมายถึง ข้อกำหนดเกี่ยวกับความประพฤติของผู้ปฏิบัติวิชาชีพ จะต้องประพฤติปฏิบัติตามจรรยาบรรณของมาตรฐานวิชาชีพครู ๕ ประการดังต่อไปนี้
- จรรยาบรรณต่อตนเอง
- จรรยาบรรณต่อวิชาชีพ
- จรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ
- จรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ
- จรรยาบรรณต่อสังคม

พื้นฐานและแนวคิด
          โดยพื้นฐานและแนวความคิดความเชื่อของการมีมาตรฐานวิชาชีพ มิใช่มีไว้เพื่อมุ่งในการควบคุมหรือกำกับผู้ประกอบวิชาชีเท่านั้น หากแต่ยังมีพื้นฐานของความคิดความเชื่ออีกบางประการคือ
- เป็นมาตรการของการให้ความสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อสามารถพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพเป็นทั้งรายบุคคลและเป็นกลุ่มบุคคล
- เป็นมาตรฐานที่ทำให้ผู้ประกอบวิชาชีพสามารถเลื่อนตำแหน่งวิชาชีพ เพิ่มคุณวุฒิ คุณภาพ คุณสมบัติ รวมทั้งทักษะและเจตคติในการประกอบวิชาชีพ
- เป็นมาตรการที่จะเพิ่มมาตรฐานในระดับวิชาชีพที่ทำอยู่ในด้านความรู้ความเข้าใจ และสมรรถนะของบุคคลให้มีความเป็นมืออาชีพในวิชาชีพยิ่งขึ้น เป็นต้น

          มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษานั้น นอกจากเป็นมาตรฐานวิชาชีพที่ต้องประกอบวิชาชีพเพื่อบริการต่อสาธารณชนตามบริบทของวิชาชีพชั้นสูงทั่วไปแล้ว ยังต้องมีการปฏิบัติการวิชาชีพที่เกี่ยวกับบทบาทสำคัญต่อสังคมและความเจริญของประเทศที่สำคัญด้วยคือ (มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา : สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ๒๕๔๘: ๑)
- สร้างพลเมืองดีของประเทศ โยให้การศึกษาขึ้นพื้นฐานที่ประเทศต้องการ
- พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
- สืบทอดวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามขงอชาติ จากคนรุ่นหนึ่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง เพื่อรักษาความเป็นชาติไว้ให้มั่นคงและยาวนาน
การนำไปประยุกต์ใช้
          เพื่อให้มีการรักษามาตรฐานวิชาชีพ เพื่อคงความสำคัญของวิชาชีพ ทุกวงการวิชาชีพจึงมีกลยุทธ์ในการใช้และปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพในรูปแบบและวิธีการที่ต่างๆ กัน ขึ้นกับแต่ละสถาบัน องค์กร สมาคม หรือสภาวิชาชีพต่างๆ ตัวอย่างเช่นที่ (The Royal College of Anaesthetists, available at,mhtml: //G\ProfStand12.mht) ได้เน้นที่มาตรฐานวิชาชีพของตน ในการบริการที่ให้ผู้เรียนและสังคมที่ดีที่สุด ทั้งในระดับการบริการภายในและภายนอกสถาบัน ภาควิชาและหน่วยงานต่างๆ
ดังนั้นสิ่งที่ศึกษาสามารถนำไปใช้ในการประกอบอาชีพครูได้ คือ จากการศึกษามาตรฐานวิชาชีพครูนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดตัวชี้วัดของผู้เรียนและมาตรฐานวิชาชีพครูนั้นครอบคลุมเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้างในการกำหนดจบการศึกษาระดับตามข้อกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพครู มีคุณวุฒิทางการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง เพื่อจะใช้เป็นแนวทางในการกำหนดมาตรฐานวิชาชีพครูต่อไป

กิจกรรมที่ 5

ให้นักศึกษาอ่านบทความเรื่องต้นแบบแห่งการเรียนรู้ แล้วสรุปลงในบล็อกของนักศึกษาสิ่งที่ได้คืออะไรและจะนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาตนเองได้อย่างไร

สรุปบทความเรื่องต้นแบบแห่งการเรียนรู้
จะเห็นว่าในปัจจุบันเราได้ยินคำว่า ต้นแบบในวงการศึกษามากมาย ที่ได้ยินบ่อยมาก คือ ครูต้นแบบต่อมาก็มี โรงเรียนต้นแบบ ศึกษานิเทศก์ต้นแบบ และ ต่อ ๆ ไปก็จะมี ผู้บริหารต้นแบบ นักเรียนต้นแบบ ผู้ปกครองต้นแบบ ชุมชนต้นแบบ ภารโรงต้นแบบ ฯลฯ ครูต้นแบบที่ดีย่อมเป็นแบบอย่างที่ดีต่อเยาวชน มีความประพฤติมีวาจาและกิริยาที่สวยงาม เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนประพฤติปฏิบัติตาม ดังเช่น พระคุณเจ้าได้สรุปความสำคัญของคำว่า ต้นแบบว่ามี 2 นัย
      นัยแรก    คือต้นแบบในฐานะเป็นแม่แบบ เพื่อให้ผู้ดูแบบได้เอาอย่าง
      นัยที่สอง คือ ต้นแบบในฐานะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการใฝ่รู้ใฝ่เรียน เป็นกำลังใจแก่ผู้ดูแล กระตุ้นให้ผู้ดูแบบสร้างสรรค์สิ่งดีงาม
                ดังนั้นครูต้นแบบที่ดีต้องมาจากภายในและสอนให้เยาวชนตระหนักถึงผลดีผลร้ายที่ตามมา ถ้าหากประพฤติตัวไปในทางที่ไม่ดี และครูที่ดีต้องค่อยกระตุ้นพฤติกรรมของเยาวชนให้มีพฤติกรรมที่ดีต่อสังคมในยุคโลกปัจจุบันที่ยังถือความนิยมของคนต่างชาติเข้ามา
                  อย่างไรก็ตามในการนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง ต้องหาครูที่เป็นแรงบันดาลใจในการฝึกฝนตนเองและค่อยตักเตือนและประพฤติตัวเองไปในทางที่ดี รู้จักแยกแยะสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด และควรมีกัลยาณมิตรกับผู้คนรอบข้าง และสิ่งที่ไม่ดีนำมาปรับปรุงให้เหมาะสมกับตนเอง
                 ดังนั้นเมื่อข้าพเจ้าได้เป็นครูข้าพเจ้าจะทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีต่อศิษย์ทั้งด้านความรู้ ความสามารถ และการถ่ายทอดความรู้ให้กับศิษย์ให้เกิดความรู้ นำไปพัฒนาตนเองในอนาคตในเป็นเด็กดีของสังคม และที่สำคัญข้าพเจ้าจะปฏิบัติตัวให้สมกับเป็นครูต้นแบบเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการปฏิบัติตามและเป็นแบบอย่างที่ดีกับตนเองและสังคมต่อไป

กิจกรรมที่ 4


ให้นักศึกษาอ่านบทความเรื่อง ภาวะผู้นำและการเปลี่ยนแปลง และสรุปสิ่งที่นักศึกษาอ่านได้ลงในบล็อกของนักศึกษา
ภาวะผู้นำ และการเปลี่ยนแปลง
                                                             ดร. ประพนธ์ ผาสุขยืด
ผู้อำนวยการ สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม

การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เราทุกคนคงยอมรับว่าไม่มียุคสมัยใดที่การเปลี่ยนแปลงจะรวดเร็วและมีผลกระทบรุนแรงเท่าในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงได้สร้างหายนะให้กับองค์กรหลายแห่งไม่เว้นแม้กระทั้งองค์กรที่เคยประสบความสำเร็จมาในอดีต ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงก็ได้สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับหลายองค์กรเช่นกัน ประเด็นเรื่องการอยู่รอดและการเปลี่ยนแปลงเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันโดยตรง ดังคำกล่าวของ ชาร์ล ดาร์วิน ที่ว่า "ผู้ที่อยู่รอด มิใช่เป็นสายพันธ์ (Species) ที่แข็งแรงที่สุดหรือฉลาดที่สุด หากแต่ว่าเป็นผู้ที่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุดต่างหาก"
การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ หากจะมองในระดับบุคคลแล้ว คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดจะสำคัญและยิ่งใหญ่ไปกว่าการปรับเปลี่ยนมุมมอง (ทิฏฐิ) และทัศนคติ (Attitude) การรู้จักเปิดใจกว้าง ไม่ยึดติดอยู่กับความคิด หรือความรู้เดิมๆ ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เป็นการเริ่มต้นสู่การเปิดรับสิ่งใหม่ด้วยใจที่ไม่อคติ (Bias)
สรุป    การเป็นผู้นำและการการเปลี่ยนแปลงที่ดีควรทำตัวเองให้น่ายกย่อง เป็นมิตรกับผู้คนรอบข้างไม่ถือตัวเองว่าดีกว่าคนอื่นหรือมีหน้าที่การงานดี ควรทำตัวให้เสมอต้นเสมอปลายต่อผู้คนที่อยู่รอบข้าง อีกปัจจัยหลักในการสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นได้ในตัวผู้นำ สิ่งนั้นก็คือคุณสมบัติในเรื่องการเป็น "ผู้ให้"  การเป็นผู้ให้ที่ดีควรรู้จักให้คนอื่นก่อน ควรมองส่วนรวมมากกว่าส่วนตน  มองผลประโยชน์ขององค์กรมากกว่าผลประโยชน์ส่วยตัว  ก็จะทำให้องค์กรนั้นสามารถอยู่รอดในสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดได้เช่นกัน

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กิจกรรมที่ 3

ให้นักศึกษาไปศึกษาผู้นำทางวิชาการจากเอกสาร, Internet, การสัมภาษณ์ ในประเด็นดังนี้
1. ประวัติของผู้นำทางวิชาการที่สำคัญ
2. ผลงานของนักวิชาการที่ปรากฏ
3. เราชอบผู้นำทางวิชาการในประเด็นอะไร
4. มีรูปถ่ายสถานที่ประกอบ 


นายปรีดี พนมยงค์


ประวัติของนายปรีดี พนมยงค์

             นายปรีดี พนมยงค์  ถือกำเนิดในเรือนแพ  หน้าวัดพนมยงค์  ตำบลท่าวาสุกรี  อำเภอกรุงเก่า  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา     เป็นบุตรของนายเสียงและนางลูกจันทน์ พนมยงค์  มีอาชีพทำนา ศึกษาหนังสือไทยที่บ้านครูแสง  ต่อมาศึกษาต่อที่บ้านหลวงปราณีประชาชน  (เปี่ยม  ขะชาติ)สอบไล่ได้ประถมชั้น ๑ แห่งประโยค ๑ โรงเรียนวัดรวก อำเภอท่าเรือ สอบไล่ได้ประถมบริบูรณ์  โรงเรียนวัดศาลาปูน  อำเภอกรุงเก่าศึกษาชั้นมัธยมเตรียมที่โรงเรียนวัดเบญจมบพิตร  สอบไล่ได้ชั้นมัธยม ๖  ที่โรงเรียนตัวอย่างมณฑลกรุงเก่า ศึกษาต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบ  ช่วยบิดาทำนาที่อำเภอวังน้อย  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อายุ ๑๗ ปีเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนกฎหมาย  กระทรวงยุติธรรม  อายุ ๑๙ ปี   สอบไล่วิชากฎหมายขั้นเนติบัณฑิตได้  อายุ ๒๐ ปี     ได้รับคัดเลือกจากกระทรวงยุติธรรม ให้ทุนไปศึกษาวิชากฎหมาย ณ  ประเทศฝรั่งเศส ศึกษาภาษาฝรั่งเศสและความรู้ทั่วไปที่วิทยาลัยก็อง (Lycée  de Caen) และศึกษาพิเศษจากศาสตราจารย์เลอบอนนัวส์  (Lebonnois) สำเร็จการศึกษาได้ปริญญารัฐ  เป็น บาเชอลิเย  กฎหมาย (Bachelier en Droit)  และได้เป็น ลิซองซิเย  กฎหมาย (Licencié en Droit)    มหาวิทยาลัยก็อง  (Université de Caen)  อายุ ๒๓ ปี   ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการ (คนแรก) ของสามัคยานุเคราะห์สมาคม เรียกเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า  Association Siamoise d’ Intellectualité et d’ Assistance Mutielle อักษรย่อ (S.I.A.M.) อายุ ๒๕ ปี    ได้รับเลือกให้เป็นสภานายกสามัคยานุเคราะห์สมาคม    อายุ ๒๖ ปี   ได้รับเลือกให้เป็นสภานายกสามัคยานุเคราะห์สมาคม
 ผลงานของนายปรีดี พนมยงค์ 
          ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ เป็นผู้ใฝ่หาความรู้ทางด้านวิทยาการต่าง ๆ ทั้งสังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ขณะพำนักอยู่ในประเทศจีน ได้ศึกษาค้นคว้าเพื่อรู้แจ้งเห็นจริงทั้งทฤษฎีและการปฏิบัติ รวมทั้งผลงานของเมธีทางด้านปรัชญาและสังคมศาสตร์ เช่น มาร์กซ์ เองเกลส์ เลนิน สตาลิน และเหมา เจ๋อตุง ในเชิงเปรียบเทียบสภาพสังคมไทยทุกแง่ทุกมุม อาทิ ระบอบเศรษฐกิจ การเมือง ทัศนะสังคม ประวัติศาสตร์ ชนชาติ ศาสนา ขนบธรรมเนียม ประเพณี แล้วได้เรียบเรียงเป็นบทความ ซึ่งได้ตีพิมพ์ในโอกาสต่อมา
            งานเขียนชิ้นสำคัญของท่านที่นำพุทธปรัชญามาวิเคราะห์วิวัฒนาการของมนุษยสังคมคือ "ความเป็นอนิจจังของสังคม" ซึ่งได้รับการตีพิมพ์หลายครั้งและเป็นที่สนใจของผู้ที่ต้องการศึกษาอยู่ตลอดมา เพราะข้อความที่เขียนอันเป็นสัจจะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทุกยุคทุกสมัย
ผลงานงานเขียนบางส่วนของนายปรีดี ได้แก่
            -    บันทึกข้อเสนอเรื่อง ขุดคอคอดกระ, กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501
            -  ชีวิตผันผวนของข้าพเจ้าและ 21 ปีที่ลี้ภัยในสาธารณรัฐราษฎรจีน (Ma vie mouvementee et mes 21 ans d' exil en Chine Populaire)
            -   ความเป็นมาของชื่อ ประเทศสยามกับ ประเทศไทย
            -    จงพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตยสมบูรณ์ของวีรชน 14 ตุลาคม
            -   ประชาธิปไตย เบื้องต้นสำหรับสามัญชน
            -   ประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญเบื้องต้นกับการร่างรัฐธรรมนูญ
            -    ปรัชญาคืออะไร
            -  ความเป็นไปบางประการในคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ใน บางเรื่องเกี่ยวกับพระบรมวงศานุวงศ์
            -    บางเรื่องเกี่ยวกับการก่อตั้งคณะราษฎรและระบบประชาธิปไตย
            -   ข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับเอกภาพของชาติและประชาธิปไตย
            -   ความเป็นเอกภาพกับปัญหาสามจังหวัดภาคใต้, สหพันธ์นิสิตนักศึกษาชาวปักษ์ใต้แห่งประเทศไทย, 2517
            -    อนาคตของเมืองไทยกับสถานการณ์ของประเทศเพื่อนบ้าน, ประจักษ์การพิมพ์, 2518
สาเหตุที่ชอบนายปรีดี พนมยงค์
        นายปรีดี    พนมยงค์เป็นบุคคลที่เป็นตัวอย่างในการปกครองประเทศจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยถือได้ว่าเป็นผู้เปลี่ยนแปลงทางการเมืองของประเทศไทย มีความรู้ความสามารถในการปกครองประเทศ ทำให้ในสมัยนั้นมีความเป็นเจริญก้าวหน้า ทำให้ประชาชนเปิดกว้างในการเรียนรู้และปฏิรูปการปกครองโดยมีประชาชนเป็นหลักเป็นตัวแปลในการขับเคลื่อนในการปฏิวัติประเทศ และเป็นผู้มีมุมมองที่กว้างอย่างที่เห็นได้ชัดจากผลงานการเขียนด้านวิชาการที่ปรากฏออกมา เป็นแนวความคิดที่มีต่อสภาพการปกครองของประเทศไทย
 


วิกิพีเดีย”.  (ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก: http://th.wikipedia.org.
“Googol”.(ออนไลน์).เข้าถึงได้จาก:http://www.google.co.th/imglanding



วันจันทร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กิจกรรมที่ 2

ให้นักศึกษาศึกษาทฤษฎีและหลักการบริหารจัดการ ในประเด็นนี้
1. มีหลักการอย่างไร เจ้าของทฤษฎีใครบ้าง
2. นำหลักการดังกล่าวไปใช้อย่างไร
       ให้สรุปเขียนลงในกิจกรรมที่ 2 ลงในเว็บล็อกของนักศึกษา โดยสรุปจากการอ่านของนักศึกษาให้มีการอ้างอิงสิ่งที่นักศึกษานำมาใช้เขียน
การบริหารงาน (Administration) แตกต่างกับ Management
                  การบริหารงาน คือการดำเนินการในกิจการต่าง ๆ มีหน่วยงานหรือองค์การ ดำเนินการอำนวยงานให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ โดยทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลงานตามที่ต้องการ
                   นักบริหาร หมายถึง ผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการและดำเนินการ หรือผู้รับผิดชอบต่อการดำเนินงาน หรือผู้วินิจฉัยชี้ขาดและสั่งงาน หรือผู้กำหนดแนวทางปฏิบัติงานขององค์กร
             การบริหารงาน เป็นทั้งศาสตร์และศิลป
                  การบริหารรัฐกิจ เหมือนกับ การบริหารธุรกิจ ในเรื่องของกระบวนการปฏิบัติงาน แต่มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานไม่เหมือนกัน
           กระบวนการบริหาร Gulic และ Unwick ได้กล่าวถึงกระบวนการบริหาร ซึ่งเรียกว่า POSDCORB ในหนังสือ Paper on the Sciences of Administration (1957) ซึ่งประกอบด้วย
                  P        =         Planning                    การวางแผน
                  O        =        Organizing                 การจัดองค์การ
                  S        =        Staffing                       การสรรหาคนเข้าทำงาน
                  D        =        Directing                    การอำนวยการ
                 CO      =       Coordinating                การประสานงาน
                 R        =        Reporting                     การรายงาน
                  B        =        Budgeting                    การงบประมาณ
                  ทรัพยากรทางการบริหาร มีอยู่ 4 ประการ คือ คน (Men) เงิน (Money) วัสดุสิ่งของ (Material) การจัดการ (Management) หรือเรียกสั้นๆ ว่า 4M’s
                 William T Greenwood เห็นว่าทรัพยากรบริหาร ควรจะมีอย่างน้อย 7 ประการ คือ คน (Men) เงิน (Money) วัสดุสิ่งของ (Material) อำนาจหน้าที่ (Authority)   เวลา (Time) กำลังใจในการทำงาน (Will) ความสะดวกต่าง ๆ (Facilities)
                 ปัจจัยในการบริหารธุรกิจ 6 ประการ คือ คน (Men) เงิน (Money) วัสดุสิ่งของ (Material) วิธีการ (Method) ตลาด (Market)  เครื่องจักร (Machine)
                 ประสิทธิภาพในการบริหารงาน หมายถึงความสามารถของการดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของนโยบาย ภายใต้เงื่อนไขทางทรัพยากรที่มีอยู่
                  เทคนิคการบริหารงาน สื่อความเข้าใจ (ด้วยถ้อยคำภาษา เช่น พูด เขียน หรือไม่ใช้ถ้อยคำ เช่น เครื่องหมายและสัญญาณ) มีการจูงใจ การวินิจฉัยสั่งการ (โดยสามัญสำนึกหรือเหตุผล)
                 กระบวนการวินิจฉัยสั่งการ
                  -พิจารณาปัญหา                                                   POLICY   =   นโยบาย
                 -เลือกแนวทางแก้ไขปัญหา                               AUTHORITY = อำนาจหน้าที่
                  -วิเคราะห์แนวทางแก้ไข
                  -พิจารณาผลดีผลเสีย
                 -ดำเนินการและวิธีปฏิบัติ
                ข้อจำกัดในการบริหาร ประกอบด้วย ฐานะและสภาพภูมิศาสตร์ ประชากร ทรัพยากร ลักษณะนิสัยและความสามารถของคน ความเชื่อถือและศรัทธา ขนบธรรมเนียมและประเพณี
นโยบายสาธารณะ หมายถึง แนวทางที่รัฐบาลกำหนดว่าจะทำหรือไม่กระทำ และได้มีการปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น ตลอดจนมีการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติในสิ่งนั้น ๆ ด้วย
                  ทฤษฎีที่เกี่ยวกับนโยบายสาธารณะ
                 1.ทฤษฎีสถาบัน (Institutionalism) ทฤษฎีนี้บอกว่า นโยบายสาธารณะนั้นเป็นผลมาจากสถาบันการปกครองของรัฐ
                 2.ทฤษฎีกลุ่ม (Group Theory) ทฤษฎีนี้กล่าวว่า นโยบายสาธารณะเป็นผลมาจากการต่อสู้หรือการประนีประนอมระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ ในสังคม
                3.ทฤษฎีระบบ (System Theory) ของ Devid Easton ทฤษฎีนี้กล่าวว่า ระบบการเมืองเป็นผลของกระบวนการ ซึ่งมี Input  คือ Demand และ Support   ต่าง ๆ เข้าไปใน  Conversion Process แล้วจะได้ Output  แต่อย่างไรก็ตาม จะมีสภาพแวดล้อม  (Environment) อยู่ล้อมรอบเพื่อทำให้  Feed back ออกมาเป็น Input ใหม่
                4.ทฤษฎีชนชั้นนำ (Elite Theory) ทฤษฎีนี้มองว่าชนชั้นนำเท่านั้น เป็นผู้กำหนดนโยบายเพราะประชาชนทั่วไปไม่สนใจ และไม่มีความรู้เกี่ยวกับนโยบายสาธารณะ
                  รูปแบบการตัดสินใจวินิจฉัยนโยบายสาธารณะ มี 3 รูปแบบ คือ
                   1.แบบใช้หลักสมเหตุสมผล เป็นการตัดสินใจวินิจฉัยโดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์
                 2.แบบใช้หลักส่วนเพิ่มขึ้น มีแนวคิดว่า การตัดสินใจวินิจฉัยโดยทั่วไปมักมีลักษณะอนุรักษ์นิยม โดยต้องอาศัยการตัดสินวินิจฉัยครั้งก่อน ๆ เป็นหลักยึดอยู่ การตัดสินใจครั้งใหม่จึงต้องเป็นเรื่องของการปรับปรุงแก้ไขการตัดสินใจที่เคยทำมาก่อน
                  3.แบบใช้หลักผสมกลั่นกรอง เป็นการตัดสินวินิจฉัยโดยการผสมกลั่นกรองระหว่างลักษณะของการใช้หลักสมเหตุสมผลกับใช้หลักส่วนเพิ่ม
                  นำหลักการดังกล่าวไปใช้ได้ คือ  การบริหารจัดการกิจกรรมต่างๆที่บุคคลหลายคนร่วมกันดำเนินการ เพื่อพัฒนาสมาชิกของสังคมในทุกๆ ด้าน นับแต่ บุคลิกภาพ ความรู้ ความสามารถ เจตคติ พฤติกรรม คุณธรรม เพื่อให้มีค่านิยมตรงกันกับความต้องการของสังคม โดยกระบวนการต่างๆ ที่อาศัยควบคุมสิ่งแวดล้อมให้มีผลต่อบุคคล และอาศัยทรัพยากร ตลอดจนเทคนิคต่างๆ อย่างเหมาะสม การบริหารจัดการที่ดีจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือของทุกๆฝ่าย ดังคำนิยามของ     William T Greenwood เห็นว่าทรัพยากรบริหาร ควรจะมีอย่างน้อย 7 ประการ คือ คน (Men) เงิน (Money) วัสดุสิ่งของ (Material) อำนาจหน้าที่ (Authority)   เวลา (Time) กำลังใจในการทำงาน (Will) ความสะดวกต่าง ๆ (Facilities) เพื่อให้ประสบความสำเร็จจำเป็นต้องมีทรัพยากรบริหารที่ดี

“OK Nation”.(ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก : http://www.oknation.net/blog.

 

แนะนำตนเอง


ประวัติส่วนตัว

นางสาวพัชรี  รินรส  เรียกขานกันทั่วไป  เมย์
เกิดเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ 2532 พักพิงอยู่บ้านเลขที่ 232/12 หมู่ 4  ตำบลจันดี  อำเภอฉวาง
จังหวัดนครศรีธรรมราช  80250 มีพี่น้อง 2 คน  ชอบสีฟ้า สีน้ำตาล สีเขียว  นิสัย ร่าเริง พูดมาก

ประวัติการศึกษา
 จบการศึกษาชั้นอนุบาลจากโรงเรียนไพฑูรย์วิทยา จบการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนฉวางรัชดาภิเษก
 จบการศึกษาชั้นประถมจากโรงเรียนวัดจันดี

คติประจำใจ
                 อุปสรรคมีไว้พุ่งชน

ภาพถ่ายที่อยากนำเสนอ



กิจกรรมที่ 1



  ให้นักศึกษาค้นหาความหมายคำว่า  การจัดการชั้นเรียน  การบริหารการศึกษา  จากหนังสือ อินเตอร์เน็ตแล้วสรุปแล้วเขียนลงในกิจกรรมที่ 1 ของเว็บล็อกของนักศึกษา

       การจัดการในชั้นเรียน คือ การจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพในห้องเรียน การจัดการกับพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของนักเรียน  การสร้างวินัยในชั้นเรียนตลอดจนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนของครูและการพัฒนาทักษะการสอนของครูให้สามารถกระตุ้นพร้อมทั้งสร้างแรงจูงใจในการเรียน เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

         การบริหารการศึกษา  คือ   กิจกรรมต่างๆที่บุคคลหลายคนร่วมมือกันดำเนินการ เพื่อพัฒนาเด็ก เยาวชน ประชาชน หรือสมาชิกของสังคมในทุกๆด้าน เช่น ความสามารถ ทัศนคติ พฤติกรรม ค่านิยม หรือคุณธรรม ทั้งในด้านการสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ เพื่อให้บุคคลดังกล่าวเป็นสมาชิกที่ดีและมีประสิทธิภาพของสังคม โดยกระบวนการต่างๆ ทั้งที่เป็นระเบียบแบบแผน และไม่เป็นระเบียบแบบแผนโดยกระบวนการต่างๆที่อาศัยการควบคุมสิ่งแวดล้อมให้มีต่อบุคคล เพื่อให้บุคคลพัฒนาตรงตามเป้าหมายของสังคมที่ตนดำรงชีวิตอยู่

         ดังนั้นจึงสรุปความหมายของ การบริหารการศึกษาได้ว่า  การดำเนินงานของกลุ่มบุคคลเพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี